ยาหลายตัวที่เราสามารถซื้อหามารับประทานในประเทศไทยอย่างเสรี เป็นยาต้องห้ามสำหรับญี่ปุ่น ทั้งนี้เป็นผลมาจากยาเหล่านั้นมีส่วนผสมต้องห้ามตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ขนาดว่าผู้บริหารบริษัทโตโยตา ซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติอเมริกัน ได้นำยาต้องห้ามเข้ามายังประเทศญี่ปุ่นก็เคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว
สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ตามที่มีการรายงานกรณีชาวต่างชาติถูกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นควบคุมตัวเนื่องจากสั่งยาแก้ปวดชนิดหนึ่งเข้าประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากยาแก้ปวดชนิดนั้นเป็นยาที่รัฐบาลญี่ปุ่นห้ามนำเข้ามาประเทศ เพราะเป็นยาที่มีส่วนผสมต้องห้ามภายใต้กฎหมายของญี่ปุ่น สถานทูตฯ ขอแจ้งตัวอย่างรายชื่อยาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายและห้ามนำเข้ามาในญี่ปุ่น ดังนี้
- TYLENOL COLD
- NYQUIL
- NYQUIL LIQUICAPS
- ACTIFED
- SUDAFED
- ADVIL COLD & SINUS
- DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS”
- DRISTAN SINUS
- DRIXORAL SINUS
- VICKS INHALER
- LOMOTIL
*อ้างอิงรายชื่อยาจากเว็บไซต์สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำนครซีแอทเทิล
ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องพกยาติดตัวไป การมีใบรับรองทางการแพทย์ไปด้วยจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็อย่าได้คาดหวังแบบ 100% ว่าจะได้รับการอนุโลม แต่อย่างน้อยเป็นการแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งว่าเราไม่ได้สรรหายาเหล่านั้นมาเอง แพทย์เป็นผู้ออกคำสั่งจ่ายยา เราเองก็มิอาจทราบได้เสมอไปว่าส่วนประกอบทางเคมีของยาเหล่านั้นมีอะไรบ้าง มีใบรับรองแพทย์ไว้แม้จะร้ายแรงแต่ก็อาจช่วยได้บ้าง ดูอย่างกรณีน้องเมย์ นักกรฬาแบดมินตันถูกตรวจพบสารต้องห้ามก็มิได้ถูกลงโทษแต่ประการใด เพราะแพทย์เป็นผู้จัดการฉีดยาให้ อย่างไรก็ตามการปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งที่เราๆ ทุกคนพึงกระทำกัน